เหรียญนะโมเนื้อทองฝาบาตร รุ่นยูงทองดับไฟชายแดนใต้
จัดสร้างโดย กลุ่มสำนักเขาอ้อ,ไสยเวทย์เขาอ้อ
ใส่กระเป๋าเงินได้ ทำพวงกุญแจพกพาได้ ช่วยปกป้องกันภัย จะคุ้มครอง ได้ทั้งทางน้ำและบนบกให้แคล้วคลาดนิรันตราย และยังมีอิทธิคุณหลายๆ ประการ ฯ
เหรียญนะโม หรือหัวนอโม รุ่นยูงทองดับไฟชายแดนใต้ ปลุกเสกตามแบบโบราณ มากกว่า ๓๐ วาระ โดยนำบทสวดหรือพระถาถาในทางพุทธศาสนามาอธิฐานจิตปลุกเสกเชนบทสวด “รัตนสูตร” ซึ่งเชื่อว่าเป็นการบรรจุเอาพระพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ไว้ในหัวนะโม
ในการใช้เหรียญนะโมให้บังเกิดความเข้มขลังและศักดิ์สิทธิ์สัมฤทธิ์ผลตามปรารถนา ตามโบราณกาลจะใช้พระคาถากำกับดังนี้
. พระคาถาบทที่ 1 “นอโมประสิทธิเม” เมื่อกำเหรียญนะโมอยู่ที่มือขวา ทำจิตใจให้สงบ ระลึกถึงพระคุณบิดามารดาของท่านเอง แล้วภาวนาพระคาถา 3 จบ หรือ 7 จบ เอามือลูบหน้าผากสักครู่หนึ่ง แล้วออกเดินทางจะแคล้วคลาดปลอดภัย กันอุบัติเหตุ เป็นมหาอำนาจ ชนะศัตรู
พระคาถาบทที่ 2 “นอโมกันตัง” เมื่อมีเหรียญนะโมให้ฝังรอบบ้านรอบเรือน รอบอาคารร้านค้า 4 ทิศ 8 ทิศ ให้ภาวนา จะเป็นมงคลรักษาบ้านเมือง รักษาทรัพย์ เป็นโภคทรัพย์ ป้องกันภูตผีปีศาจ กันภัย กันโจรผู้ร้าย
พระคาถาบทที่ 3 “นอโมพุทธังปิดตันอึ” เอาเหรียญนะโมใส่มือกำเข้าแล้วอึดใจภาวนาคาถาแต่ในใจ 3,5,7,9 อึดใจเป่าปลุกเสกก่อนออกเดินทาง หรือปลุกเสกบ่อย ๆ กันกระสุนปืนทุกชนิดตลอดถึงวัตถุระเบิด เป็นจังงัง ศัตรูเกรงกลัว ภาวนาแล้วตวาดออกไป ศัตรูอาวุธจะตกจากมือ
พระคาถาบทที่ 4 “นอโมประสิทธเม เพชรคงคง เพชรคงคง” เอาเหรียญนะโมใส่ปากแล้วภาวนาพระคาถา 108 จบ จบหนึ่งกลืนน้ำลาย 1 ครั้ง เป็นคงกระพันกันอาวุธทุกชนิดชะงัดนัก ทำได้ครบ 108 ครั้ง คงกระพันไปตลอดชีวิต
พระคาถาบทที่ 5 “นอโมออฦๅฦๅ งามตามออ” เอาเหรียญนะโมใส่ไว้ในตลับสีผึ้งสีปาก หรือในกระปุกแป้งผัดหน้า หรือในขวดน้ำหอม ก่อนใช้ให้เสกด้วยพระคาถานี้ทุกครั้ง เป็นเมตตามหานิยม ผูกจิตผูกใจมิตรสหาย ทำความรักให้มั่นคง และผูกจิตใจลูกค้า สำหรับคำว่า “ฦๅ” อ่านออกเสียงว่า “ลือ”
พระคาถาบทที่ 6 “นอโมโอ่” นักพูด นักร้อง ลิเก ละคร หนังตะลุง มโนราห์ หรือเพลงบอกจะศิษย์ท่านครู หรือศิษย์สร้อยก็ตาม ให้เอาเหรียญนะโมใส่ไว้ในปากและภาวนาพระคาถาก่อนพูดก่อนร้อง ทำให้เสียงไพเราะติดใจผู้ฟัง เสียงเป็นเสน่ห์
“พระคาถาพญายูงทอง” สำหรับความศักดิ์สิทธิ์ของคาถานี้ “นะโม วิมมุตตานัง นะโม วิมุตติยา” เป็นคาถาที่ปรากฏในตำนานโมรปริตร (อุเทตะยัญจักขุมา) ซึ่งเป็นนิทานชาดกโดยสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสวยพระชาติเป็น “พญานกยูงทอง” ความเดิมมีอยู่ว่า
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีพญายูงทองตัวหนึ่งที่มีชีวิตแคล้วคลาดจากการถูกเข่นฆ่ามาได้โดยตลอด แม้พระราชาหรือนายพรานที่มีความชำนาญก็ยังจับไม่ได้ พญายูงทองได้ท่องพระคาถานี้มาโดยตลอด แม้จะถูกดักด้วยแร้ว กลไกของแร้วก็ไม่ลั่น จนกระทั่งมีนายพรานที่มีปัญญาหลักแหลม จึงหาอุบายเอานกยูงตัวเมียที่ฝึกไว้จนเชื่องและปฏิบัติตามคำสั่ง ได้เข้าไปล่อและส่งเสียงร้องก่อนที่พญายูงทองจะท่องพระคาถา พญายูงทองก็เกิดความกระสันด้วยกิเลส ลืมร่ายมนต์และเข้ามาหานางนกยูง เลยถูกบ่วงแร้วรัดตัวและถูกจับไว้ได้ในที่สุด
🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏
หัวนอโมเป็นเครื่องรางพื้นเมืองของทางภาคใต้ ที่เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ประจำภาคใต้ของเรา
ในปัจจุบันมีการใช้ " หัวนอโม "เป็นเครื่องประดับ และยังใช้เป็นครื่องรางของขลังกันอย่างแพร่หลาย
ทั้งการนำหัวนอโมมาทำเป็นสร้อยคอ สร้อยข้อมือ รวมไปถึงการนำมาทำเป็นหัวแหวนสำหรับสวมใส่
โดยเชื่อว่าหัวนอโมจะช่วยป้องกันภยันตรายทั้งปวงประวัติที่มาของหัวนอโมนั้นมีเรื่องราวการทำหัวนอโม
ในตำนานเมืองนครศรีธรรมราช โดยในตำนานได้กล่าวถึง พระเจ้าศรีธรรมโศกราช อพยพนำพาราษฎรหนีไข้ห่า( โรคระบาด )มาตั้งเมืองใหม่ที่สันทรายหาดทรายแก้ว แต่ก็ปรากฎว่าไข้ห่าก็ยังได้ตามมาระบาดอีก พระเจ้าศรีธรรมโศกราช จึงทรงกระทำเงินตรานอโมขึ้น โดยนิมนต์พระเถระนาม พระพุทธคัมเภียร และพระพุทธสาครเป็นผู้สาธยายพระสูตร พระปริตร ปลุกเสกและได้เชิญพราหมณ์ผู้รู้พระเวทย์มาอัญเชิญพระเป็นเจ้าในศาสนาพราหมณ์มาอวยพรให้เงินตรานอโม ที่ทำขึ้นนั้นมีฤทธิ์อำนาจ เมื่อทำพิธีครบตามหลักการแล้ว พระเจ้าศรีธรรมโศกราชจึงได้ให้สัปปบุรุษนำเอาหัวนอโม
ไปโปรยในธารน้ำและรอบคูเมือง บัดนั้นไข้ห่าที่ระบาดอยู่ จึงระงับดับลง..การสร้างหัวนอโมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ในภาคใต้ยังคงสัญลักษณ์เดิมคือตัว น. ในอักษรปัลลวะ ถึงแม้ว่าการสร้างหัวนอโมหรือตรานะโมนั้นจะมีรูปทรง การสร้างที่หลากหลายตามยุคสมัย แต่อักษรศักดิ์สิทธิ์ ของคำว่า " นอโม " ก็ยังคงสัญลักษณ์เดิมตราบปัจจุบัน
อานุภาพของหัวนอโม ถ้าหากจะพรรณาว่า มีคุณในด้านใด จำจะต้องกล่าวถึงด้านที่เด่นที่สุดก่อน หัวนอโมหรือเงินตรานะโมนั้นถูกสร้างขึ้นเพื่อขจัดภัยจากโรคห่า หรือโรคระบาดก่อนที่ต่อมาจะถูกพัฒนาให้สามารถขับไล่อุบาทว์ ขับไล่เคราะห์ภัยคุ้มกันและแก้ไขเภทภัยให้ผู้ที่ครอบครองให้อยู่ดีมีสวัสดิภาพ ซึ่งถ้าหากเทียบอานุภาพของหัวนอโมกับเครื่องรางอื่น ผู้เขียนขอเทียบหัวนอโมว่ามีอานุภาพเหมือนเบี้ยแก้ทางภาคกลาง ที่มีอานุภาพในการแก้อาถรรพ์ คุ้มกันภัย และรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ดุจเดียวกัน แทบจะกล่าวได้ว่าหัวนอโมมีอำนาจไปในแนวเดียวกัน กับเบี้ยแก้นั่นเองเพียงแต่หัวนอโมมีขั้นตอนการทำที่ะซับซ้อนมาก หลายขั้นตอนความศักดิ์สิทธิ์ของเงินตรานะโมหรือหัวนอโมนั้น เป็นองค์ความรู้จากสองศาสนาคือศาสนาพุทธและศาสนาพราหมณ์ เป็นเครื่องรางหรือวัตถุมงคลไม่กี่ชนิดที่สามารถใช้แทนกันได้ ทั้งสองศาสนาซ้ำยังเคยใช้เป็นเงินตราซื้อขายในยุคสมัยโบราณ จึงทำให้หลายๆท่านมีความเชื่อกันว่าหัวนอโมยังมีคุณไปในทาง โภคทรัพย์ ความสมบูรณ์อีกด้วย...
หัวนอโมเป็นเครื่องรางแห่งความสามัคคี
ที่จะต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจจากทุกๆฝ่าย เพราะเป็นเครื่องรางที่อาศัยองค์ความรู้ในหลายฝ่าย
ทั้งฝ่ายพุทธ ฝ่ายพราหมณ์และฝ่ายหมอพื้นบ้าน หรือบัณฑิตฆราวาสท่านผู้รู้วิชาในการประกอบพิธี
ที่จะบังเกิดอานุภาพสามารถแก้ไขและป้องกันอวมงคลชนิดต่างๆได้ ซึ่งการประกอบพิธีดังกล่าวนั้นจะไม่มีทางสำเร็จได้เลย ถ้าหากขาดซึ่งความสามัคคี ความร่วมแรงของหมู่คณะ เพราะในอดีตการสร้างหัวนอโมเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะยุ่งยาก เริ่มตั้งแต่การเสาะหาแร่เงิน การหลอมโลหะ การตอกตรา รวมถึงพิธีการปลุกเสก ฉะนั้นการสร้างหัวนอโมจึงตกแก่กรมการเมือง หรือคณะขุนนางเมืองเป็นผู้จัดสร้างขึ้นมาปีละครั้ง และการสร้างหัวนอโมเองก็ต้องอาศัยสามัคคีของทุกๆคนในเมือง จึงจะสามารถทำได้สำเร็จลุล่วงตามที่เคยกระทำมาก่อนๆ นับว่าหัวนอโมนี้เป็นเครื่องรางที่เกิดจากความสามัคคีโดยแท้ เป็นเครื่องรางที่ทุกคนในสังคมหรือในหมู่คณะ มีส่วนร่วมในการสร้างขึ้นเพื่อกำจัดภัยในบ้านเมือง ซึ่งเป็นกุศโลบายที่โบราณาจารย์ท่านได้คิดค้นเอาไว้ เพื่อรวมจิตร่วมใจของทุกๆคนให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ในการช่วยป้องกันบ้านเมืองจากภัยอันตรายทั้งปวง